น้ำเต็มแก้ว
เมื่อเรามองไปที่โต๊ะ
แล้วเราพบว่ามีแก้วน้ำสวยใส อยู่ 1 ใบ เราจะบอกว่า มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว หรือ
น้ำหายไปครึ่งแก้ว(Full half or Half full) กันดี
มันคงไม่สำคัญหรอกนะว่าจะมีอยู่หรือหายไป (Full
half or Half full) แต่ความจริงนั้นในแก้วมีน้ำอยู่เพียงครึ่งแก้ว
หากเปรียบแก้วน้ำเหมือนกับการรับรู้ของเรา
การที่มีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่งของความรู้ที่เรามี
แสดงว่าเรายังสามารถเติมน้ำที่เป็นความรู้
ลงไปในแก้วแห่งการรับรู้เราได้อีกอย่างแน่นอน มันก็จะเป็นการเพิ่มพูนความรู้
ให้กับเจ้าของกล่องแห่งการรับรู้ หรือที่รู้จักกันในนาม “สมอง”
การที่เราได้รับข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่แตกต่างจากที่เรารู้แต่เดิม
ก็เหมือนเป็นการเติมน้ำลงในแก้ว หรือเติมความรู้ใส่สมอง ย่อมดีมากกว่าเสีย
แล้วถ้าเรารู้สึกว่าความรู้ของเรามีมากกว่าคนอื่นใดในโลกแล้ว
ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำที่เต็มแก้ว
เราย่อมไม่สามารถที่จะรับเอาความรู้ใดใดมาเพิ่มเติมได้ใช่หรือไม่
เพราะว่าถ้าเติมได้น้ำที่มีมันคงยังไม่เต็มแก้ว
ในหลักสูตรเทคนิคการสอนงานนั้นอาจารย์ได้กล่าวถึงการประเมินผู้เรียน
มีอยู่ข้อหนึ่งที่ต้องให้ผู้เรียนใช้ความรู้สึกในการประเมินความรู้ที่ได้รับจากการสอนว่าก่อนเรียนรู้เรื่องนี้อย่างไร
และเมื่อเรียนจบแล้วมีความรู้เปลี่ยนไปอย่างไร
มีอยู่สองสามคนที่ประเมินตนเองว่าก่อนการเรียนรู้
มีความรู้อยู่แล้ว 10 หลังเรียน ก็มีความรู้ 10 แสดงว่าไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมจากที่เคยรู้มาเลยใช่หรือไม่ ถ้ามองตามตัวหนังสือนี้คงต้องตอบว่าใช่แน่นอน
แต่ในความจริงขณะที่มีการเรียนการสอน นั้น
เห็นมีการจดบันทึกสิ่งต่างๆลงไปในสมุดคู่มือมากมาย แล้วความจริงมันคืออะไร
“รู้ลึกจนเหมือนน้ำเต็มแก้ว” หรือ
“หลอกตัวเองว่ารู้” กันแน่
เสกพรสวรรค์ บุญเพ็ชร
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น